วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผลของกรรมจากการช่วยผู้อื่นทำแท้ง

เมื่อ 2 วันก่อนคงมีหลาย ๆ คนได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการทำแท้งเถื่อนที่มีการพบศพเด็กทารกเป็นจำนวนมากถึง 300 กว่าศพ และพบในภายหลังอีกกว่า 2000 ศพ
หลังจากที่ดิฉันได้อ่านฟังข่าวนี้
มันทำให้ดิฉันได้รู้สึกเลยนะว่า สิ่งที่แววเจออยู่ สิ่งที่ทำให้ท้อแท้ สิ่งที่ทำลายชีวิตของดิฉันทุกวันนี้ เกิดขึ้นจากอะไร?
ดิฉันไม่เคยทำแท้ง แต่เคยให้เงินน้องชายไปทำ
ดิฉัน ไม่เคยคิดหรอกนะว่า "สิ่งที่เราทำตอนนั้น มันจะมีผลมาถึงปัจจุบัน เพราะเหตุการณ์มันผ่านมานานมากแล้ว แต่หลังจากบวชชีพราหมณ์ออกมา มันทำให้ดิฉันได้รู้สึกและสำนึกในสิ่งที่แววได้ทำกับเค้า ดิฉันเกือบลืมเค้าไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมาดลใจทำให้ดิฉันรู้สึกว่า "ดิฉันต้องทำบุญไปให้หลานของดิฉัน และทำบุญไปให้ลุกของดิฉันด้วยเช่นเดียวกัน"

ดิฉันรู้ว่าสิ่งที่แววทำมันผิด
"ดิฉัน ให้เงินน้องชายไปทำแท้ง ซึ่งตอนนั้นอายุครรภ์ประมาณ 6 เดือนกว่าแล้ว เด็กมีแขนขาแล้ว ถ้าถามดิฉันว่าตอนนั้น ดิฉันกลัวเวรกรรมไม๊ ดิฉันตอบได้เลยนะ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าอนาคตของน้องชายหรอก เพราะเค้าเพิ่งอายุไม่ถึง 20 ปีเลย ถ้าหลานคลอดออกมาแล้วอนาคตล่ะ จะเป็นอย่างไร ดิฉันมีเหตุผลที่ให้เงินเค้าไป แถมดิฉันยังไปเป็นเพื่อนอีกนะ"
และผลกรรมหลังจากที่ดิฉันทำมันก็เหมือนติดจรวดจริง ๆ เลยอ่ะ

ดิฉันเลิกกับแฟนคนแรก หลังจากเหตุการณ์วันนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย และก็มีอีกหลายเหตุการณ์ที่มันแย่ ๆ เกิดขึ้นมาในชีวิต แต่ตอนนั้นดิฉันก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่า "เกิดจากการที่เราไปทำให้เค้าตาย" ดิฉันคิดแต่ว่า "มันเกิดจากการกระทำของดิฉันเอง มันเหมือนมีอะไรมาดลใจให้ดิฉัน อยากไปเที่ยว ไม่อยากไปเรียนหนังสือ เข้ากับคนอื่นยาก ดิฉันเบื่อ ตอนนั้นดิฉันมีเงินนี่นา แล้วดิฉันจะกลัวทำไมล่ะ ดิฉันก็เที่ยว ไม่สนใจเรียน ไม่กลับบ้าน ผลสุดท้ายดิฉันก็เรียนไม่จบ ทั้ง ๆ ที่ดิฉันเป็นคนเรียนดีคนหนึ่งเลยนะ ดิฉันสอบติดในสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ดิฉันไปเรียนได้แค่ 2 ปีเท่านั้นแหล่ะ ที่เหลือชีวิตของดิฉันเหมือนกากเดนของสังคมน่ะ เพียงแค่ไม่เป็นภาระให้คนอื่น แต่เอาตัวเองให้รอดไปเป็นวัน ๆ เท่านั้นเอง"

พอ ผ่านไป 3 ปี "ดิฉันตั้งท้องลูกคนแรก แต่พอท้องได้ 3 เดือนครึ่งเค้าก็ตายไปในท้องของดิฉัน แบบไม่มีสาเหตุ หมอบอกว่าการที่ดิฉันทะเลาะกับสามี มันไม่ได้กระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง แต่ลูกของดิฉันตายไปเอง"
เชื่อไม๊?
ตอนนั้นดิฉันรู้สึกเหมือนโลกใบนี้มัน กลวง ตัวดิฉันมันเบาโหวงเลยนะ และที่สำคัญดิฉันนอนร้องไห้เงียบ ๆ แต่น้ำตาดิฉันไม่เคยหยุดไหลเลยตลอดเวลา ที่ลูกยังอยู่ในท้องของดิฉัน ขนาดหมอเหน็บยาเร่งคลอดให้เด็กออกแล้วนะ แต่ลูกของดิฉันก็ไม่ออก เค้าตายอยู่ในท้องของดิฉันเกือบ 2 อาทิตย์ แต่ดิฉันก็ยังหลอกตัวเองว่า ลูกยังอยู่กับดิฉัน ลูกยังไม่เป็นไร ความรู้สึกของดิฉันนะ เหมือนมีใครมากระชากหัวใจออกไปเลยแหล่ะ ดิฉันเสียใจมาก ๆ เลยกับการที่ดิฉันต้องเสียลูกของไป

ทุกวันนี้ดิฉันยังจำหน้าของเค้า ได้อยู่เลยนะ เค้าหลุดออกมาในเช้าของวันที่หมอนัดว่าจะผ่าออก เพราะเลือดของดิฉันเริ่มไม่แข็งตัวแล้ว ถ้าหากมีการตกเลือดขึ้นมาจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ตอนนั้นดิฉันคิดว่าถ้าตายก็ตายเถ่อะ ดิฉันไม่อยากอยู่แล้ว ดิฉันเหนื่อยเหลือเกิน พอหมอบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องผ่าเด็กออกนะ "ดิฉันก็อธิษฐานในใจบอกกับลูกว่า ลูกจ๋า! หนูคงไม่อยากให้แม่เจ็บใช่ไม๊ลูก ถ้าเป็นอย่างนั้น หนูก็ออกมาเถ่อะนะ ดิฉันบอกกับลูกอย่างนี้ตอนก่อนนอน เพราะหมอให้อดน้ำและอาหารตั้งแต่ 2 ทุ่มแล้ว"

ดิฉันเริ่มปวดท้อง ฉี่บ่อยมากตอนประมาณตี 4 เหมือนจะปวดเข้าส้วมประมาณนั้น แรก ๆ ก็เดินไปเข้าห้องน้ำจากชั่วโมงละครั้ง ก็เริ่มถี่ขึ้น ดิฉันเดินอยู่อย่างนั้นจนใกล้เวลาที่พยาบาลเค้าจะมาเปลี่ยนเวรกันแล้วแหล่ะ พอจะไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งหนึ่งปรากฎว่ามีเสียงแตกดัง"โพล๊ะ"

ด้วย ความตกใจแววก็เลยเอามือไปคว้าตัวลูกไว้อ่ะ แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนเตียง และก็มองหน้าลูก เค้าตัวยาวเลยมือดิฉันอีกนะ หน้าตาเหมือนรูปปั้นแกะสลักที่อยู่ในห้องศิลปะที่ไม่มีแขนอ่ะ ตาของเค้าเป็นรอยกรีด มีจมูกและปากแล้วด้วยนะ มีแขน มีขา มีผิวหนังที่ยังใสอยู่เลย ตัวของลูกซีดมาก ๆ แต่เค้าไม่ได้เน่านะ และก็ไม่เละ ดิฉันนั่งดูเค้า "เหมือนเวลาจะผ่านไปนานมาก ๆ เลยนะ นานพอจะทำให้ดิฉันจดจำเค้าได้จนถึงทุกวันนี้"

แม่ยังจำลูกได้เสมอนะ คนดีของแม่

และ พอเมื่อวานดิฉันไปดูดวงกับพี่สาว "พี่คนนี้เค้าเป็นหมอดูที่เก่งมาก ๆ เลยอ่ะ เค้าดูอะไรไว้เนี่ย มันจะเกิดขึ้นจริงทั้งนั้นเลย และที่สำคัญนะ พี่เค้าไม่รู้ว่าทำไมดิฉันถึงดวงตก เกิดขึ้นจากอะไร เพราะอะไร เนื่องจากดิฉันเป็นคนที่ทำบุญสม่ำเสมอ สวดมนต์ ไหว้พระ ก็ถือว่าเป็นคนดีในระดับหนึ่งก็ว่าได้ แต่เกิดอะไรขึ้น ทำไมดิฉันถึงเป็นแบบนี้ เมื่อวานได้ไปคุยกับพี่เค้า และเราก็เลยลองถามพี่เค้าเรื่องนี้ดู"

เค้าบอกว่าที่ดิฉันต้องสูญเสียลูกไป เพราะหลานของดิฉันเค้ามาเอาไป และทุกวันนี้สิ่งที่ดิฉันเผชิญหน้ากับทุกปัญหา นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า "เวรกรรม"

ดิฉันเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาเยอะนะ ดิฉันใช้ระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบทั้งชีวิตของดิฉันจะวนเวียนอยู่แต่กับ เรื่องของ "เวรกรรม" แต่มากันในหลาย ๆ รูปแบบ มาจนดิฉันเหนื่อยแล้วในวันนี้ ดิฉันไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ดิฉันเหนื่อยเต็มที ดิฉันอยากจะถามหลานเหลือเกินว่า "ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับป้าตอนนี้มันเกิดขึ้นมาจากหลาน จากความอาฆาตพยาบาทของหลาน ป้าควรทำยังไง ให้หลานให้อภัย ป้าไปบวชให้หลานแล้ว ป้าทำทุกอย่างที่ป้าพอจะทำได้ให้หลานไปแล้ว หลานต้องการอะไรเหรอ หลานต้องการชีวิตของป้าด้วยไม๊ ป้ารู้ว่าสิ่งที่ป้าทำมันเป็นการทำร้ายหลาน โดยที่ป้ารู้ว่ามันผิด แต่เพื่ออนาคตของพ่อของหลาน จะให้ป้าทำยังไงเหรอ ป้าไม่รู้ ว่าบุญกุศลที่ป้าทำมันจะส่งไปถึงหลานไม๊ ป้าไม่รู้ว่าหลานอาฆาตป้าแค่ไหน ป้าควรทำอย่างไรดี ถ้าจิตของหลานสามารถสือมาถึงป้าได้ ช่วยดลจิตดลใจให้ป้า หาทางออกให้ได้ ให้ป้ามีหนทางที่จะทำให้หลานของป้ามีความสุข ให้หลานได้สะสมบุญไปพร้อม ๆ กับป้าและลูกคนแรกของป้า ให้ป้าได้ทำบุญไปให้เพื่อเป็นฐานของบุญให้หลานของป้าและลูกของแม่ได้ไปสู่ภพ ภูมิที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป"

วันนี้ดิฉัน เหนื่อยเหลือเกิน อยากจะหลับ บางครั้งดิฉันอยากจะตายไปซะด้วยซ้ำไป ดิฉันหาทางออกไม่เจอเลยจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีพระพุทธศาสนาอยู่ในใจมาตลอด การฆ่าตัวตายมันเป็นบาปมหันต์ แต่ถ้าบุญที่เราทำไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้เลย แล้วเราควรทำอย่างไรดี?

ดิฉันรู้นะ "ปัญหามีไว้แก้ไข แต่สำหรับผู้หญิงคนเดียว ที่ไม่ได้มีสามีเป็นผู้นำทางของชีวิต และมีภาระที่ต้องดูแล มีแม่และมีลูกชายที่ต้องดูแล แต่ดิฉันไม่มีทางหาเงินมาเลี้ยงดูได้ ดิฉันไม่สามารถหยุดทำงานได้ วันไหนที่แววหยุดวันไหน จะไม่มีเงินมาใช้จ่ายในบ้าน"
ในวันนี้ ปัญหาเหล่านี้สำหรับดิฉันมันอาจหนักเกินไปก็ได้นะ มันอาจจะมากเกินกว่าที่ดิฉันจะแก้ไขมันได้ด้วยพระพุทธศาสนา คำสอนของพระพุทธศาสนายังอยู่ในใจของดิฉันเสมอมา และคงอยู่ตลอดไป ดิฉันสำนึกในทุกครั้งที่ทำ แต่เวรกรรมแบบนี้มันหนักเกินไปรึเปล่า ดิฉันไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์หรือต่อรองใด ๆ กับใครทั้งสิ้น เพราะดิฉันทำตัวเองใช่ไม๊

หลานของดิฉันคงไม่มีวันให้อภัย

ชีวิตของดิฉันถึงต้องเจอแต่ปัญหาและเวรกรรมทั้งหลาย ทั้งหมดทั้งมวลที่เข้ามาขนาดนี้ใช่ไม๊
ดิฉันรู้ถึงที่มาแห่งความทุกข์ แต่ดิฉันไม่สามารถหาหนทางแห่งการดับทุกข์นี้ได้ เพราะดิฉันไม่มีแรงเหลือที่จะทำความดีหรือบำเพ็ญบารมีต่อไปอีกแล้ว ดิฉันเหนื่อยเหลือเกิน 


ดิฉันเคยขอนะ "ขอเทพ ขอเทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยดิฉันด้วย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พอดิฉันเริ่มอยู่ตัวทุกอย่างมันก็ประดังเข้ามาเหมือนพายุ เหมือนน้ำป่า แล้วดิฉันจะมีกำลังใจได้อย่างไร ท่านไม่ใช่ไม่ช่วยนะ แต่อาจจะเป็นเพราะเวรกรรมของดิฉันมากเกินกว่าที่จะแก้ไขอะไรได้แล้วมั้ง ชีวิตถึงต้องเป็นแบบนี้"

"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เพิกเฉย แต่ท่านช่วยดิฉันได้แค่นี้ เพราะบุญของดิฉันมีแค่นี้ บุญที่ดิฉันทำมามันส่งผลให้ดิฉันได้แค่นี้ ดิฉันจึงไม่สามารถผ่านเวรกรรมนี้ไปได้ เวรกรรมครั้งนี้มันหนักเหลือเกิน ดิฉันพบ "ปัญญาทางสว่างแห่งการดับทุกข์" แต่ดิฉันไม่เหลือแรงที่จะดำเนินไปตามทางนั้นแล้วชีวิตของแววชาตินี้อาจะเกิดขึ้นมา เพื่อค้นพบแค่นี้รึเปล่า


20 พฤศจิกายน 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น