วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กำลังใจ

เมื่อวานนี้ยังรู้สึกเหมือนชีวิตของดิฉันจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เลยนะ คิดอะไรไม่ออก หาทางแก้ปัญหาก็ทำไม่ได้ แต่พอดิฉันไปที่ร้านของเพื่อน มันก็ทำให้ดิฉันมีความสุขมากขึ้นนะ ไม่ได้ไปตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องราวตัวเองให้เพื่อน ๆ ในร้านฟังหรอกนะ แต่ก็ไปเฉย ๆ ไปนั่งทำรายงานที่อาจารย์สั่ง (เพราะดิฉันเรียนจบคอร์สการนวดราชสำนักและแก้อาการเรียบร้อยแล้ว) ก็จะต้องมีการทำเหมือนแบบสอบถามความรู้สึกของลูกค้าที่มาใช้บริการกับเรา แล้วเค้ารู้สึกอย่างไร มีคำแนะนำไม๊ อะไรประมาณนี้แหล่ะ

ตอนไปที่
ร้านแรก ๆ ก็ซึม ๆ เหมือนกันนะ เพราะว่ารู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ไม่อยากทำงานเลย ท้อแท้ไปหมดเลยอ่ะ ไม่มีทางออก ปัญหานี้แก้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรดีกว่า ตอนที่ไปที่ร้าน (ดิฉันกินยาแก้เครียดไปแล้ว 2 เม็ดนะ) แต่มันทำให้ดีขึ้นหน่อย ดิฉันไม่ปวดไมเกรนแล้วก็เลยไปทำรายงานที่ร้าน ส่วนคนอื่น ๆ เค้าก็นั่งคุยกัน แล้วก็ทำพุ่มกฐินด้วย ดิฉันได้ช่วยด้วยนะ ในการติดแบงก์ให้พุ่ม (ก็ได้บุญกับเค้านิดหนึ่งละ)

ปรากฎว่าตอนทานข้าวเย็นอยู่
มีลูกค้าคนหนึ่งเค้ามานวด แล้วเค้าบอกว่าขอหมอนวดเก่ง ๆ ซึ่งคงไม่ใช่ดิฉันแล้วแหล่ะ (เพราะที่นั่งด้วยกันตอนนั้นมีหมอนวดอาชีพตั้งหลายคน ดิฉันยังเป็นมือใหม่สำหรับที่นั่นอยู่เลย) แต่ไม่มีใครนวดพี่เค้า ดิฉันก็เลยได้นวด เหมือนเป็นหนทางแห่งบุญมั้งที่ทำให้ดิฉันได้นวดเค้า ครั้งแรกก็เกร็ง ๆ นะ เพราะลักษณะของเค้าน่ากลัวอ่ะ ดิฉันก็เกรง ๆ เหมือนกัน แต่พอนวดไปสักพักพี่เค้าก็คุยปกติ ดิฉันก็เลยงงเค้าไม่น่ากลัวเลย

ดิฉันได้ข้อคิดจากพี่เค้าเพราะว่าเค้าเป็นทหาร
แต่เป็นทหารที่นั่งสมาธิด้วยนะ สวดมนต์ด้วย แต่เค้าเคยไปรบมาด้วยนะ เค้าเล่าให้ดิฉันฟัง ดิฉันก็เลยเล่าให้เค้าฟังเหมือนกันว่าดิฉันท้อกับสิ่งที่ดิฉันทำแล้ว ดิฉันถามพี่เค้าว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเค้า เค้าจะหยุดสวดมนต์เหมือนดิฉันไม๊ เค้าตอบว่า "ไม่ เพราะนั่นเป็นมารอย่างหนึ่งที่ทำให้เราท้อแท้" วันนี้ดิฉันก็เลยกลับมาสวดมนต์อีกครั้งหนึ่งแล้วค่ะ ปกติก็สวดนะ สวดบ้างไม่สวดบ้าง แต่ก็ต้องสวดให้ได้้ 2-3 ครั้งในหนึ่งอาทิตย์นะ

เค้าให้ข้อคิดดิฉันใหม่หมดเลยนะ

ให้
คิดว่าว่าถ้านั่งสมาธิได้จริง ๆ จะเป็นยังไง คือ ความรู้สึกที่ได้รับในขณะที่นั่งสมาธิจะเป็นแบบไหน และให้แนวทางโดยให้ดิฉันไปหาพระอาจารย์คุมจิตใหม่ เพราะต้องเป็นอาจารย์ที่เก่งจริง ๆ ไม่อย่างนั้นดิฉันอาจจะเจอเหตุการณ์เหมือนที่เคยเจอคือ (นั่งสมาธิอยู่ที่บ้านหน้าห้องพระแต่ดิฉันจะรู้สึกเหมือนโดนคนเอานิ้วมาทิ่ม ที่หน้าผากระหว่างหัวคิ้วให้หงายไปด้านหลัง แล้วทุกครั้งดิฉันจะตกใจทุกครั้งนะ เพราะตอนนั้นรู้สึกว่ามันสงบ แต่ตัวของดิฉันมันจะโยกเหมือนตุ๊กตาล้มลุกอ่ะ โยกไปข้างหน้า โยกไปข้างหลัง อยู่แบบนี้แหล่ะแต่จะมากหรือน้อยเท่านั้นแหล่ะ พอถ้าเริ่มโยกแล้วที่นี้สมาธิจะไม่ค่อยอยู่นิ่งแล้่ว เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะต้องเจอแน่ ๆ เลย เป็นอย่างนี้ประจำพอเริ่มโยกสักพักก็จะโดนเหมือนเดิม ผลักไปข้างหลังทำให้ดิฉันตกใจทุกครั้ง) พี่เค้าก็แนะนำให้ไปหาพระอาจารย์ ขอคำแนะนำจากท่าน แล้ว เราจะทำได้ดีกว่านี้

เอานะ

คราวนี้ดิฉัน
ก็จะเหมือนเดิม คือ จะไม่ยอมแพ้ ความรู้สึกมันเหมือนกับว่า วันนี้มันดีกว่าเมื่อวานนี้อ่ะ เพราะเมื่อวานนี้ดิฉันแทบกระอักออกมาเป็นเลือดเลยนะ ถึงแม้วันนี้จะไม่เงินซื้อนมให้ลูก แต่เดี๋ยวดิฉันจะไปทำงานที่ร้าน ก็คงจะมีลูกค้าบ้างแหล่ะ

ทุกครั้งที่ดิฉันสวดมนต์
ตอนนี้ดิฉันขอแค่ให้ได้เจอลูกค้าที่ดี ๆ ขอให้มีโชคลาภบ้าง ให้พอเลี้ยงแม่กับลูกได้โดยที่ไม่เดือดร้อนเหมือนทุกวันนี้ ส่วนเงินที่เหลือก็จะเอาไปทำบุญ ซึ่งข้อนี้ดิฉันทำอยู่แล้วไง

เงิน
ที่ดิฉันได้จากการนวด ดิฉันจะแบ่งส่วนหนึ่งไปทำบุญเสมอเลยนะ แผ่บุญกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรของดิฉัน และลูกค้ารวมไปถึงหลานของดิฉันและลูกของดิฉัน ดิฉันจะพยายามทำให้ได้บ่อยมากขึ้น เพื่อที่ผลกรรมที่ดิฉันทำร้ายเค้ามันจะได้ลดน้อยลง เผื่อสักวันหลานของดิฉัน อาจจะเห็นใจก็ได้

คือตอนนี้
ถ้าทำบุญแล้วจะนึกลูกและหลานตลอดเลยอ่ะ บางทีก็ลืมครูบาอาจารย์ หรือก็ลืมเจ้าที่ที่บ้าน แต่จากวันนี้จะพยายามจำให้ได้ให้หมด และจะพยายามทำให้ทุกอย่างอยู่บนสติให้ได้ ดิฉันต้องพยายามอีกมากเลยแหล่ะ เพื่อให้ผลบุญของดิฉันมีประสิทธิภาพและเป็นบุญส่งไปให้เค้าได้มากที่สุด ดิฉันยังมีทางอีกไกลให้เดิน

ดิฉันต้องทำได้
จริงไม๊

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น