วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความดี

เคยคิดไม๊ว่า
"ชีวิตนี้ของเราจะได้สุขสบายเมื่อไหร่กัน"
"สิ่งที่เราทำอยู่ในทุกวันนี้มันถูกจริง ๆ เหรอ"
"รู้ไม๊ว่าการทำความดีมันยากมาก ๆ เลยนะ"
"เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะแพ้ใจคุณเอง"

การ ทำความดีขึ้นอยู่กับจิตใจของคุณเป็นสำคัญที่สุดเลยแหล่ะ ขนาดว่าตัวดิฉันเองที่คิดว่าตัวเองมั่นคงแล้ว และจะไม่หวั่นไหวต่อกิเลศหรือเครื่องเหนี่ยวนำจิตใจให้ตกต่ำลง ดิฉันเคยคิดไว้นะ ว่าดิฉันจะไม่หวั่นไหวอีกต่อไปแล้ว แววจะเดินหน้าเต็มที่เพื่อที่จะทำความดีต่อไป ดิฉันพยายามสวดมนต์ให้ได้ทุกวัน ดิฉันทำได้ติดต่อกัน 21 วัน และสุดท้ายดิฉันก็ล้มเลิก เพราะในระหว่างที่ทำนั้น ดิฉันไม่มีเงินเลยจริง ๆ ไม่มีแม้แต่ลูกค้าจะมานวดที่บ้าน หรือไปที่ร้านของเพื่อนก็ไม่มีลูกค้าไปนวดเหมือนกัน ดิฉันคิดว่าถ้าในวันนี้ดิฉันเดินหน้าทำความดีเต็มที่ แต่ดิฉันไม่มีเงินมาซื้อนมให้ลูกกิน และไม่มีเงินมาซื้อกับข้าว ซื้อยาให้กับแม่ ดิฉันควรจะทำไม๊ ดิฉันอยากถามเพื่อน ๆ ว่า "ถ้าเพื่อน ๆ เป็นแบบดิฉัน เพื่อน ๆ จะทำยังไง"

ดิฉันไม่ได้ลำบากแบบนี้เป็นครั้งแรก และนี่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ทุกอย่างที่ดิฉันต้องประสบพบเจอในวันนี้ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นมาจาก "ความประมาท" ขนาดดิฉันเคยเจอเรื่องที่ร้าย ๆ มาหลายเรื่องแล้วนะในชีวิตที่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ดิฉันก็ยัง "พลาด" เพราะอะไร "เพื่อน ๆ รู้ไม๊?"
เพราะ ดิฉันประมาท หลงอยู่ในความสุขสบาย คิดแต่ว่าสิ่งที่ดิฉันเจอมันคือความสุข และความสุขเหล่านี้จะยั่งยืนต่อไป เหมือนตอนก่อนที่ดิฉันจะหนีออกจากบ้านเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว บ้านของดิฉันไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ดิฉันกลับมาที่บ้าน แต่เชื่อไม๊ว่าบ้านที่ดิฉันเคยเติบโตมา ได้ถูกขายออกไปแล้ว พี่น้องของดิฉันทุกคนที่โตมาด้วยกัน แยกย้ายกันออกไปจากบ้าน ทุกคนไปเผชิญหน้ากับเวรกรรมในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ดิฉันคิดว่ายังไงดิฉันก็จะต้องรอด เพราะดิฉันเป็นลูกของป๊านี่นา ป๊าคงไม่ทิ้งหรอก แต่ดิฉันลืมคิดไปนะว่า "วันนี้ดิฉันมีลูก มีสามีแล้ว ดิฉันไม่ใช่คน ๆ เดียวอีกแล้ว" ป๊าไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวของดิฉันได้

และ ดิฉันก็ลืมตัว ลืมความทุกข์ ลืมความลำบาก ลืมความเศร้า ลืมอดีต ที่ดิฉันเคยเจอมา ดิฉันลืมหมดเลย เพราะดิฉันมีความสุขยังไงล่ะ ความสุขที่จอมปลอม ความสุขที่หลอกให้เราพลั้งเผลอและประมาทในการดำรงชีวิต และดิฉันก็เดินลงไปในหลุมของความประมาทเต็ม ๆ เลย

วันนี้ดิฉันขอทำความดีแค่พอประมาณ ไม่มากเกินไป ไม่บังคับจิตใจของเรามากเกินไป
ดิฉัน คิดนะว่า "การทำความดี ควรเริ่มต้นที่จิตใจของเราก่อนดีกว่า ถึงแม้จิตใจของดิฉันมันอยากจะร้องตะโกนเหลือเกินว่าอยากไปทำบุญมาก ๆ เลยนะ อยาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อยากแบบสุด ๆ เลยแหล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่ดิฉันจะต้องทำบุญนะ ยังไงก็ต้องทำ ไม่มากก็น้อยแหล่ะ แต่ต้องทำ
ดิฉันเป็นแค่บุคคลธรรมดา ไม่ได้มีบารมี ไม่ได้มีญาณวิเศษ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แล้วจะไปช่วยเหลือใครได้ล่ะ ดิฉันจะพยายามเพียรทำความดีได้อย่างไร ถ้าในวันนี้ดิฉันยังต้องประสบพบเจอกับเรื่องพวกนี้ ดิฉันต้องทำงาน หาเงิน มาซื้อนม ซื้อข้าว ให้ตัวเอง ให้ลูกและแม่ แล้วถ้าดิฉันต้องเจอกับการไม่มีลูกค้ามานวดตลอด ดิฉันควรทำยังไงล่ะ
แววไม่มีเงินซื้อของเข้าบ้าน แววไม่มีเงินซื้อขนมให้ลูก ใครจะช่วยแววล่ะ
เพราะสิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่เจ้ากรรมนายเวรชอบที่สุด คือ เราท้อ ที่จะทำความดี
ใช่ แล้วแหล่ะ วันนี้แววท้อแล้วกับการทำความดี แต่แววยังไม่ได้ถอยนะ เพียงแต่แววขอหยุดความดีไว้ในตำแหน่งนี้ไปสักพัก ก่อนที่แววจะเริ่มเดินหน้าพยายามอีกครั้ง แววขอยืนตรงนี้ให้มั่นคงก่อนนะ แววกลัว กลัวว่าพรุ่งนี้มันจะแย่กว่าวันนี้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แววคงหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้จริง ๆ


ดิฉันอยากเป็นกำลังใจ ให้เพื่อน ๆ หลายคนที่ทำความดีนะ อย่าท้อแท้ อย่าท้อถอย ถ้าเราล้มเราสามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้ แต่เราอาจจะต้องใช้เวลากับการลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มันไม่ง่ายหรอก แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความดีในตัว เราสามารถลุกขึ้นได้แน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลา

ดิฉันก็กำลังใช้เวลาเหมือนกัน
พยายามด้วยกันนะ
เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนนะ
ทุก วันนี้ ชีวิตของดิฉันอุทิศให้กับคนสองคนนี้จริง เพื่อแม่ และเพื่อลูก คนที่รักดิฉันมากที่สุดในชีวิต และไม่เคยทำร้ายดิฉันเลย ความดีทุกอย่างที่ดิฉันจะได้รับจากการเผยแพร่บทความจากประสบการณ์จริง ๆ ของชีวิต จากทุก ๆ ความดีที่ดิฉันได้ทำ

ดิฉันขออุทิศให้กับ คุณกัลยาณี เบญจโศภิษฐ์ และเด็กชายณัชนันท์ แก้วสุทธา รวมไปถึงเจ้ากรรมนายเวรและบรรพบุรุษของบุคคลทั้งสองนี้ด้วย ขอท่านทั้งหลายมาร่วมอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น